วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

How to Set up Multiple IP Addresses on a Computer


            มีหลายวิธีที่จะตั้งค่า IP Address ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา แบบมากกว่าหนึ่ง IP Address บนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว  เช่น
            1.ถ้าเครื่อง Computer มีการ์ดเชื่อมต่อเครือข่ายหลายๆอัน (NICs) ก็สามารถที่จะกำหนดค่า IP Address ลงไปแต่ละการ์ดได้เลย
            2.ถ้าเครื่อง Computer มีการ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (NICs) อยู่อันเดียว ก็จะต้องใช้วีธี ตั้งค่า แบบมากกว่าหนึ่ง  IP Address ลงใน การ์ด อันเดียว
            3.ใช่อุปกรณ์เสริมที่เป็น  Hardware แบบรวม หลาย IP Address ให้ออกมาแค่ หนึ่ง IP Address แล้วค่อยเอามาต่อเข้ากับเครื่อง Computer ที่มี การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (NICs) อยู่อันเดียว



          ซึ่งโดยปรกติแล้ว การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (NICs) ที่มาจากโรงงานนั้น จะมี unique IP ประจำตัวอยู่แล้ว ซึ่งแต่ละการ์ดที่ผลิตออกมานั้น จะมีเลขประจำการ์ดม่ซ้ำกัน (Max Address)เพื่อใช้ในการระบุตัวตนของอุปกรณ์นั้นๆ แต่ในส่วนของ IP Address นั้น ในหนึ่ง การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (NICs) นั้น สามารถกำหนดค่า IP Address ได้มากกว่าหนึ่ง หมายเลขอยุ่แล้ว และในบทความนี้ ทางผู้เขียน จะอิบายถึงขั้นตอนและวิธีการตั้งค่าการ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (NICs) ที่ติดตั้งอยุ่ในเครื่อง Computer ที่มีระบบปิบัติการ Windows 7 แบบ การ์ดเดียวให้มีมากกว่าหนึ่ง IP Address เพื่อที่จะได้นำไปประยุกต์ใช้กับระบบเครื่อข่าย Network ที่มีอุปกณ์ ที่ได้ถูกตั้ง IP Address แตกต่างกันไว้ เชื่อมต่ออยุ่ใน Network เดียวกันได้ โดยไม่ต้องมานั่งแก้  IP Address สลับไปมา หรือหาอุปกรณ์ใดมาต่อเสริมเข้าไป โดยสามารถทำได้ตามขันตอนดังต่อไปนี้
      ให้เข้าไปที่ เมนูการตั้งค่าของเครื่อง Computer ที่ Control Panel>>All Control Panel Items>>Network and Sharing Center  และใก้เลือกไปที่  Change Adapter Setting


เมื่อ เลือกเข้าไปสู่ เมนู Change Adapter Setting แล้ว ให้ทำการเลือก Network Card ตัวที่จะทำการตั้งค่า


จากนั้น ให้ทำการ Click Mouse ขวา แล้วเลือกไปที่ Propperties เพื่อจะเข้าสู่เมนูการตั้งค่าต่อไป


      เมื่อทำการเลือก เข้าสู่ Propperties ไปแล้ว ให้ทำการเลือกไปที่ Internet Protocal Version 4 (IPV4) แล้วเลือกเข้าไปที่ Propperties ต่อไป


      หลังจากเลือกเข้ามาแล้ว จะเจอกับรูปแบบการตั้งค่าแบบเดิมของ Network Card ซึ่งโดยทั่วไปจะถูกตั้งค่าไว้ที่ รูปแบบของการ รับค่า IP Address จาก DHCP Server อยู่แล้ว ซึ่งแบบนี้เราไม่สามารถที่จะทำการตั้งค่า IP Address เองตามที่เราต้องการได้


      ขั้นต่อไปให้ทำการ เลือกการตั้งค่า จาก แบบ Optain an IP Address ไปที่ รูปแบบ Use the following IP Address เพื่อจะกำหนดค่า เข้าไปเองตามที่เราต้องการ แต่ต้องไม่ซ้ำกับ IP Address ที่มีอยู่ใน Network ที่เราจะเชื่อมต่อเข้าไป  และให้กำหนดค่า IP Address และ Subnet mask ตามที่เราต้องการลงไป ในบทความนี้ จะตั้งเป็น
IP Address                           :               192.168.5.99
Subnet mask                        :               255.255.255.0
Gateway                                :               192.168.5.254     (ค่า Gateway ไม่จำเป็นต้องใส่ ถ้าไม่มีการเรียกใช้งาน                                                                 DNS,Domain , หรือ ต้องการเชื่อมต่อ Internet )
Preferred DNS Server      :               8.8.8.8   (ค่า DNS ไม่จำเป็นต้องใส่ ถ้าไม่มีการเรียกใช้งาน DNS,Domain                                                                หรือ ต้องการเชื่อมต่อ Internet ในที่นี้ ขอเลือกใช้ DNS ของ Google เห็นเขาว่ากันว่า                                                                  มันมีดี)


      หลังจากที่เราได้ทำการตั้งค่าในส่วนของ IP Address และค่าประกอบต่างๆที่จำเป็นต้องใช้ เสร็จเรีบร้อยแล้ว ให้ทำการเลือก ต่อไปที่ Advanced เราจะเห็นค่า ต่างๆที่เราได้ทำการตั้งค่า ไปเมื่อขั้นตอนก่อนหน้านี้ (ซึ่งถ้าต้องการเพียงแค่ ตั้งค่า IP Address แบบ Manual ด้วยตัวเอง ก็จะจบการตั้งค่าเพียงแค่นี้ Network Card ก็สามารถสามารถใช้งานได้แล้ว)
แต่ในบทความนี้ เราต้องการที่จะตั้งค่า Network Card มากกว่าหนึ่ง IP Address  ก็ต้องทำต่อ โดยให้เลือกไปในส่วนที่เป็น IP Address แล้วเลือกไปที่ Add เพื่อทำการเพิ่ม IP Address และ Subnet mask ชุดที่สอง ลงไป


ในบทความนี จะกำหนด IP Address สำหรับ Network Card อันเดิมของเรา ดังนี้
IP Address                           :               192.168.6.99
Subnet mask                        :               255.255.255.0



      ซึ่งถ้าหากเราไม่ต้องการที่จะเรียกใช้งาน DNS,Domain , หรือ ต้องการเชื่อมต่อ Internet สำหรับ IP Address ในชุดที่สอง ก็จะจบการตั้งค่า Network Card เพียงแค่นี้ )

      แต่ถ้าหาก เรามีความจำเป็นที่จะต้องใช้งาน DNS , Domain , Internet สำหรับชุด IP Address ในชุดที่สองนี้ ก็สามารถทำได้ตามขั้นตอนต่อไป


ในส่วนของ Gateways ชุดที่สอง ให้ตั้งค่าดังนี้
Gateway                                :               192.168.6.254     (ค่า Gateway ไม่จำเป็นต้องใส่ ถ้าไม่มีการเรียกใช้งาน                                                                  DNS,Domain , หรือ ต้องการเชื่อมต่อ Internet )


      หลังจากที่เราได้กำหนด ค่าของ IP Address .ให้กับ Network Card ชุดที่สอง เรียบร้อยแล้ว หากเรามี DNS ของชุดที่สอง ที่ต้องใช้งานคู่กับ IP Address อีก ให้ทำการ Add เพิ่มในส่วนตั้งค่าดังนี้  (ในบทความนี้ ขอจำลองเลข เป็น 9.9.9.9 )
Preferred DNS Server      :               9.9.9.9   (ค่า DNS ไม่จำเป็นต้องใส่ ถ้าไม่มีการเรียกใช้งาน DNS,Domain                                                                หรือ ต้องการเชื่อมต่อ Internet)


      เมื่อทำการตั้งค่าเสร็จแล้ว ให้กด OK ออกมา แล้วปิดในส่วนการตั้งค่าออกมา แล้วให้ทำการเชื่อมต่อ Network Card ของเราเข้ากับระบบ โดยให้ดูที่ เครื่องหมายการเชื่อมต่อ จะเปลี่ยนให้กากะบาทสีแดงจะหายไป หลังจากนั้นให้ทำการเลือกไปที่ Network Card ที่เราตั้งค่าอีกครั้ง โดยกด Click Mouse  ขวา แล้วเลือกไปที่ Status เพื่อที่จะดู ค่าของ IP Address ที่เราได้ทำการตั้งค่าไว้ ในขันตอนก่อนหน้านี้


      ให้ดูในส่วนของ การเชื่อมต่อ ที่ Media State : จะเปลี่ยนเป็น Enable และรายละเอียดการตั้งค่า IP Address ที่เราได้ทำการตั้งค่าไปก่อนหน้านี้ สามารถกดเข้าไปดูได้ที่  Detail


      เราสามารถที่จะตรวจสอบการตั้งค่า ที่เราได้ทำไป จากหน้านี้ โดยเราจะเห็นได้ว่า ใน Network Card ของเรานั้นจะมีค่าของ Max Address อยู่เพียงค่าเดียว แต่เราสามารถที่จะกำหนด IP Address สำหรับการเชื่อมต่อ ให้มันได้ มากกว่าหนึ่ง โดยทำตามขันตอนก่อนหน้านี้ ได้อีก ไม่ว่าจะเป็น 4 หรือ 10 ค่า  IP Address ได้


      เพียงแค่นี้ เราก็ไม่ต้องไปใช้ อุปกรณ์ ทางด้าน Hardware หรือไปหา Network Card มาใส่ เพิ่มเติมให้กับ Computer  ของเรา ในขณะที่เราจำเป็นต้องการใช้งานการเชื่อมต่อ Computer  แบบมีหลาย IP Address ใน Network ของเรา แต่ก็ยังมีข้อจำกัด สำหรับงานที่ต้องมีการอ้างอิง Max Address จะไม่สามารถทำได้ เนื่อด้วยเหตุผลที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้

...ขอให้ทุกท่านสนุกกับการใช้งานครับ...




วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

แนะนำ Bluetooth  เสียงดีๆ Bluedio I4 Stereo  เปลี่ยนหูฟังได้ราคาเบาๆ


ได้เวลาที่คุณจะหา Bluetooth ให้กับ SmartPhone ของคุณเพื่อช่วยให้ชีวิตคุณคล่องตัวขึ้นแล้วหรือยัง

                ในยุคปัจจุบันนี้ แทบจะทุกคนจำเป็นต้องใช้โทรศัพย์ในชีวิตประจำวัน ได้เวลาหรือยังที่จะหา Bluetooth ให้กับ SmartPhone ของคุณ ถึงแม้ว่าโทรศัพท์มือถือในยุค 3G สำหรับบ้านเราส่วนมากจะมีระบบสปีกเกอร์โฟนให้เลือกใช้ ตอบสนองทุกความต้องการของเราแล้ว แต่กลับไม่ตอบสนองความต้องการหู เพราะคุณภาพเสียงไม่ดีเริ่ด ขาดความคมชัด และอุดมไปด้วยเสียงแตกจากลำโพง ในบทความนี้ จะขอแนะนำ Bluedio I4 Stereo Headset  จากผู้ผลิต Bluetooth อันดับ 1 ของจีน  FreeTek International Co.,Ltd.ใน Brand Bluedio  เสียงดีมาก ๆ เปลี่ยนหูฟังได้ ที่คุณภาพคุ้มค่า และราคาแสนจะถูก ใช้งานได้ดีเยี่ยม และยังรองรับ มือถือได้มากถึง 2 เครื่องพร้อมกันอีกด้วย จะช่วยสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ที่จำเป็นต้องใช้ โทรศัพย์ อยู่ตลอดเวลา ชุดหูฟังสเตอริโอบลูทูธ Bluedio I4  ดีไซน์สวยโดนใจ นอกจากจะช่วยให้คุณปลอดภัยในการขับขี่แล้วยังให้เสียงคมชัดราวกับแนบโทรศัพท์อยู่ที่ใบหู เม้าท์มอยกับเพื่อนสนิทหรือคุยธุระเรื่องงานไม่สะดุด มาพร้อมกับคุณสมบัติเจ๋งๆ มากมาย ดังนี้



คุณสมบัติเจ๋งๆ 

·         บลูทูธเวอร์ชั่น 2.1 EDR & 2.0
·         ขนาด 62.2 x 17.3 x 23 มม.
·         ชุดหูฟังสเตอริโอหนัก 9.6 กรัม นำหนักเบาสวมใส่สบาย
·         ช่วงการส่ง: 10 ม.
·         บิวท์อินแบตเตอรี่ภายในชนิด Li-ion Polymer
·         ความถี่ไร้สาย : 2.4 – 2.48 GHz
·         เวลาชาร์จ: 2 – 3 ชั่วโมง (ไม่ควรชาร์จเกิน 5 ชั่วโมง)
·         ระยะเวลาสแตนด์บาย: 100 ชั่วโมง
·         ระยะเวลาสนทนา: 6 ชั่วโมง (ลองทดสอบฟังเพลง กับ Computer ใช้ได้จริง 6 ชั่วโมง )
·         มีปุ่มควบคุมเครื่องเล่น Music และ Video
·         ระบบตัดเสียงรบกวน
·         สามารถใช้อุปกรณ์ชาร์จร่วมกับ Nokia ได้
·         มีระบบการสื่อสารด้วยเสียงผ่านเครือข่าย Voip เช่น Line,Skype,SIP Phone,Computer
·         มี 2 สีให้เลือกทั้งสีดำและสีขาว
·         ช่องเสียบชุดหูฟัง 3.5 มม. สามารถนำหูฟังดีดีมาต่อใช้งานได้
·         ใช้ได้กับโทรศัพท์มือถือทุกรุ่น ที่รองรับ ไม่ว่าจะเป็น iPod , iPad , iPhone , Blackberry 
, Samsung Galaxy,Note,Tab,S2,S3,Cooper 
หรือแม้แต่เชื่อมต่อกับ Computer ที่เราใช้งานทุกวัน
·         สามารถทั่วไป รับสาย, วางสาย, พักสาย, ตัดสาย, โทรออกเบอร์โทรล่าสุด, จับคู่อัตโนมัติ (หลังจากปิดแล้วเปิดหูฟังใหม่)ความสามารถพิเศษ บังคับเพลงจากตัวหูฟัง, สำหรับมือถือที่สนับสนุน A2DP (บลูทูธที่ไม่มีระบบนี้จะทำได้เพียงใช้สนทนาอย่างเดียว)
·         รองรับระบบ A2DP ทำให้ท่านสามารถรับฟังเพลง จากมือถือได้ ระบบการควบคุมการเล่นเพลงและวิดีโอผ่านทาง Bluetooth (AVRCP), Handsfree  และยังรองรับ มือถือได้มากถึง 2 เครื่องพร้อมกันอีกด้วย



วิธีใช้งานเบื้องต้น
การใช้งานบลูทูธจะมีการเปิดอยู่ 2 ลักษณะก็คือ
1.ถ้าต้องการจับคู่กับอุปกรณ์บลทูธที่ไม่เคยจับคู่มาก่อน ให้กดปุ่มรูปโทรศัพท์ค้างไว้จนกว่าจะมีไฟสีฟ้าติดค้างแล้วค่อยปล่อยมือออก
2.ถ้าต้องการจับคู่กับอุปกรณ์ที่เคยจับคู่ไว้แล้ว ให้กดปุ่มรูปโทรศัพท์ค้างไว้ให้แค่มีไฟสีฟ้าติดแล้วปล่อยมือออก


ลักษณะการชาร์ต
1.เมื่อพลังงานของบลูทูธอ่อนหรือใกล้จะหมด จะมีเสียงเตือนออกมาทางหูฟัง เมื่อใกล้หมดมากๆ จะมีเสียงเตือนถี่ขึ้นเรื่อย
2.สถานะการชาร์ตไฟจะมีไฟสีแดงติดเมื่อ ชาร์ตไฟเต็มแล้วไฟสีแดงจะดับอัตโนมัติ เมื่อชาร์ตไฟเต็มและ สามารถทดสอบได้ว่าไฟเต็มหรือไม่โดยการดึงสายชาร์ตออกจากตัวบลูทูธแล้วเสียบเข้าไปใหม่ไฟสีแดงจะขึ้นประมาณ 5 วินาทีแล้วจะดับไปเอง



ความรู้เพิ่มเติมและ Technology ที่ควรรู้เกี่ยวกับ Bluetooth 

- A2DP มันเป็นฟังก์ชั่นอย่างนึงครับ ย่อมาจาก Advanced Audio Distribution Profile
คือ ถ้ามือถือหรืออุปกรณ์ต่างๆของท่าน กับตัวหูฟัง bluetooth รองรับ A2DP มันก็จะสามารถเชื่อมต่อกันเพื่อฟังเพลงได้ครับ
โดย ทั่วไปแล้ว Bluetooth ที่เป็น Handfree อันเล็กๆติดที่หู จะสามารถคุยได้อย่างเดียวครับ ใช้ฟังเพลงไม่ได้ (ไม่รองรับ A2DP) โดยทั่วไปมือถือรุ่นใหม่ ณ ตอนนี้น่าจะ Support มากขึ้น ..... แม้แต่มือถือจีน

- มือถือรองรับ AVRCP (Audio Video Remote Control Profile)
ก็จะสามารถกดเปลี่ยนเพลงจากตัว bluetooth ได้เองเลยครับผม 
ถ้าไม่รองรับก็ต้องกดเปลี่ยนเพลง หยุดเพลงจากเครื่องเอาเองครับ- Enhanced Data Rate (EDR) คือ เทคโนโลยีที่มาพร้อมกับบลูทูธ เวอร์ชัน 2.0 โดยจะเพิ่มความเร็วการรับล่งข้อมูลเป็น 3 Mbit/s หรือเร็วขึ้น 3 เท่า

          เชื่อมต่อง่ายๆเพียงแค่กดค้างที่ปุ่ม โทร จนขึ้นสีฟ้า ค้าง (ไม่ใช่กระพริบนะ ก็นานพอสมควร) แล้วก็กดค้นหาจากเครื่องโทรศัพท์เพื่อเชื่อมต่อกัน พอเจอ i4 กด pair เพื่อเชื่อมต่อจาก โทรศัพท์ กดรหัสผ่าน 0000  จากนั้นก็เริ่มใช้งานได้เลยเพิ่มความคล่องตัวในชีวิตของคุณ เสริมความระรื่นให้แก้วหู และเติมความสุขให้กับทุกสายเรียกเข้าด้วยชุดหูฟังสเตอริโอบลูทูธ Bluedio I4 ที่พร้อมให้คุณสัมผัสความแจ๋วได้แล้ววันนี้ ตามร้านค้าทั่วไป (แค่ 550 บาท)

หากต้องการข้อมูล เพิ่มเติม สามารถดูจากคู่มือของมือถือของท่าน หรือสอบถามจากบริษัทผู้ผลิตครับ ..
...


วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Computer เครื่องเดียวครบทุกระบบปฎิบัติการด้วย Virtual Machine Vmware 


          ในบทความนี้ จะขอแนะนำโปรแกรมที่จะมาช่วยคุณๆท่านๆให้ทำงานได้สะดวกขึ้น ไม่ต้อง Format เพื่อจะลง OS ตัวใหม่ ไม่ต้องแบ่ง Parttion ให้ยุ่งยาก ไม่ต้องสร้าง Multiboot เราจะรวมทุกอย่างไว้ที่นี่ที่เดียว หรือท่านใดที่ประสบปัญญา Software ที่ใช้งานทางด้าน Automation ของท่านไม่สามารถติดตั้งได้บน เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขายอยู่ในยุคปัจจุบันนี้ แต่ท่านยังจำเป็นต้องใช้มัน เพื่อการทำงานอยู่ทุกวัน วันนี้เรามารู้จักกับ Vmware กันเถอะ 



          VMWare เป็นโปรแกรมที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อสร้างคอมพิวเตอร์เสมือน (Virtual Machine) ขึ้นบนระบบปฏิบัติการเดิมที่มีอยู่ ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ลงระบบปฏิบัติการอยู่แล้ว ระบบเดียว ให้สามารถทำการลงระบบปฏิบัติการ อื่นๆได้อีก ผ่านโปรแกรม VMWare อีกทีหนึ่ง ซึ่งเมื่อลงแล้ว ทั้งสองระบบสามารถทำงานพร้อมกันได้โดยแยกจากกันค่อนข้างเด็ดขาด (เสมือนเป็นคนละเครื่อง) โดยคอมพิวเตอร์เสมือนที่สร้างขึ้นมานั้น จะมีสภาพแวดล้อมเหมือนกับคอมพิวเตอร์จริงๆ เครื่องหนึ่ง ซึ่งจะประกอบด้วย พื้นที่ดิสก์ที่ใช้ร่วมกับพื้นที่ดิสก์ของเครื่องนั้นๆ การ์ดแสดงผล การ์ดเน็ตเวิร์ก พื้นที่หน่วยความจำซึ่งจะแบ่งการทำงานมาจากหน่วยความจำของเครื่องนั้นๆ
เช่นเวลาเราอยากทดสอบ windows หรือ linux แต่ไม่อยากต้อง format เครื่องเพื่อลง OS ใหม่ ก็ใช้ โปรแกรม vm นี่แหละครับ จำลองเครื่องขึ้นมา เพื่อให้เราได้หัด install, format, ใช้โปรแกรม บนเครื่องจำลอง ถ้าผิดพลาดอะไรขึ้นมาก ก็ลบมันทิ้งได้เลย โดยที่เครื่องของเราไม่เสียหายเลยแม้แต่น้อย


          ปัจจุบันโปรแกรม VMWare มีเวอร์ชันทั้งสำหรับการทำงานบน Windows และ Linux  เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่จำลองเครื่องคอมพิวเตอร์ เสมือนเรามีคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นอีกได้หลายเครื่อง ทำให้เราสามารถจะติดตั้ง OS ได้หลายตัว โดยไม่ต้องแบ่งพาร์ติชั่นของ HD มันจะเอาเนื้อที่ของ HD มาจำลองเป็นเครื่องคอมเพิ่มให้ โดยเราสามารถกำหนดขนาดได้ ทำทุกอย่างได้เสมือนจริงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการ restart เครื่อง จนถึงการติดตั้ง software
สำหรับท่านที่ชอบทดลองการลง OS เวอร์ชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น MS-DOS, Windows 3.1, 95, 98, ME, 2000, XP, 2003, Linux, Netware, Solaris และอีกมากมาย




            ตัวล่าสุดที่ถูกพัฒนาขึ้นมา เป็น VMware Workstation 10 สำหรับวินโดวส์ ขยายขีดจำกัดซีพียูเสมือนเป็น 16 ตัว, แรม 64GB, ฮาร์ดดิสก์ 8TB, เชื่อมต่อผ่าน USB เร็วกว่าเดิม, vSATA controller ตัวใหม่, จำนวน virtual network เพิ่มขึ้นสองเท่า, รู้จัก Windows 8.1 แล้ว และรองรับ virtual accelerator สำหรับการใช้งานบนแท็บเล็ตแล้ว
ฟีเจอร์ใหม่ของ VMware Workstation เวอร์ชันนี้คือสามารถกำหนดให้ VM หมดอายุได้ล่วงหน้า โดย VM ที่หมดอายุจะไม่สามารถทำงานได้ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขจากแอดมินของระบบ
VMware Workstation 10 ราคาเต็ม 249 ดอลลาร์, ราคาอัพเกรด 119 ดอลลาร์ และถ้าซื้อ VMware Workstation 9 หลังวันที่ 1 สิงหาคม 2556 นี้ ก็จะอัพเกรดเป็นเวอร์ชัน 10 ฟรี  
                สำหรับ ตัวที่สอง VMware Fusion 6 สำหรับแมค ฟีเจอร์ก็คล้ายๆ กับของวินโดวส์ สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือการรองรับ OS X Mavericks, ปรับแต่งมาสำหรับแมครุ่นใหม่ๆ ที่ใช้ซีพียู Haswell
VMware Fusion 6 รุ่นมาตรฐานตั้งราคา 59.99 ดอลลาร์ และมีรุ่น Professional ให้เลือกในราคา 129.99 ดอลลาร์ ฟีเจอร์ของรุ่น Pro ได้แก่ VM หมดอายุ, ปรับแต่ง VM ได้มากขึ้น, โหมดการทำงานแบบจำกัด VM เดียว, โคลน VM แบบไม่ต้องโคลนทั้งก้อน (linked clones)



          Keyence PLC KV Series PLC ที่เล็กที่สุดในโลก



                ในบทความนี้จะขอแนะนำ PLC รุ่นเล็ก สำหรับใครที่กำลังมองหา เพื่อนำไปใช้งานในระบบควบคุม สำหรับงาน Automation เจ้าตัวนี้มันคือ Keyence PLC โดยเฉพาะรุ่น KV Series PLC ที่ทาง Keyence ให้ชื่อว่าเป็น PLC ที่เล็กที่สุดในโลก โดยมีคุณสมบัติเด่นด้าน Hi-speed Couter สูงถึง 30 kHz และความเร็วในการประมวลผลของ CPU ถึง 10 ไมโครวินาที รวมทั้งความง่ายในการใช้งาน ดังนั้น KV Series PLC จึงได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมที่มีการควบคุม Sequence, Drive หรืองาน stand alone เช่นเดียวกับ PLC ชั้นนำอื่น ๆ
                PLC ขนาดเล็กพิเศษ KV ซีรี่ส์ PLC ขนาดเล็กพร้อมด้วย I/O ขยายและซอฟต์แวร์แลดเดอร์บิลเดอร์ที่ใช้งานง่าย ช่วยให้ติดตั้งได้โดยประหยัดพื้นที่



Programmable Logic Controller ขนาดเล็กพิเศษ
http://www.keyence.co.th/img/spacer.gif
• 
PLC ขนาดเล็กที่สุดในโลก!
• 
มีชุดต่อขยายหลากหลายชนิดให้เลือกใช้
• 
เอาต์พุตของ Clock Pulse ความถี่ 20 kHz
• 
ซอฟต์แวร์แลดเดอร์ทำงานบน Windows® ที่ใช้งานง่าย
http://www.keyence.co.th/img/spacer.gif
PLC ขนาดเล็กพร้อมด้วย I/O ขยายและซอฟต์แวร์แลดเดอร์บิลเดอร์ที่ใช้งานง่าย ช่วยให้ติดตั้งได้โดยประหยัดพื้นที่
คุณลักษณะ
PLC ขนาดเล็กที่สุดในโลก
ปรับขยายได้ง่ายด้วยซอฟต์แวร์แลดเดอร์บิลเดอร์ที่ใช้งานง่าย
โปรดใช้เมนูแบบพูลดาวน์ของฝ่ายบริการข้างต้น เพื่อดาวน์โหลดแคตตาล็อกผลิตภัณฑ์ หากต้องการรายละเอียดที่ครบถ้วนสมบูรณ์


PLC ขนาดเล็กที่สุดในโลก
KV-10 (ที่มี I/O 10 จุด) มีขนาดเท่ากับรีเลย์แบบใช้งานทั่วไป 3 เครื่องรวมกัน ส่วน KV-80 (ที่มี I/O 80 จุด) มีขนาดเท่ากับวิดีโอเทป VHS PLC ใน KV ซีรี่ส์จึงใช้พื้นที่บนแผงควบคุมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
http://www.keyence.co.th/img/spacer.gif

มีชุดต่อขยายหลากหลายชนิดให้เลือกสำหรับเพิ่มจำนวน I/O
KV ซีรี่ส์สามารถต่อเพิ่มยูนิตขยายได้ถึง 4 ชุด การใช้ PLC เหล่านี้ จึงช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มจำนวน I/O ได้อย่างง่ายดาย และเพื่อให้ได้อัตราส่วนอินพุต/เอาต์พุตตามที่ต้องการ ผู้ใช้สามารถเพิ่มยูนิตขยายรุ่น KV-16E และ KV-8E รวมกันอย่างไรก็ได้ไม่เกิน 3 ตัวเข้ากับรุ่น KV-80 หรือ KV-40 แต่หากใช้รุ่นอื่นจะสามารถเพิ่มยูนิตขยายรวมกันได้ถึง 4 ตัว
http://www.keyence.co.th/img/spacer.gif

ยูนิต I/O แบบอะนาล็อกที่มีความละเอียด 12 บิต
ยูนิตขยาย KV-DA4 (D/A คอนเวอร์เตอร์) และ KV-AD4 (A/D คอนเวอร์เตอร์) พร้อมด้วย I/O 4 ช่องให้เลือกใช้ตามความต้องการ
http://www.keyence.co.th/img/spacer.gif

ซอฟต์แวร์สนับสนุนที่ทำงานได้บน Windows®
ซอฟต์แวร์สนับสนุนแลดเดอร์บิลเดอร์ ใหม่ล่าสุดช่วยให้ผู้ใช้สามารถดีบักโปรแกรมบนหน้าจอ PC ได้ โดยไม่จำเป็นต้องต่อเชื่อมกับ PLC หรืออุปกรณ์อื่น
http://www.keyence.co.th/img/spacer.gif

อินเทอร์รัปต์และเคาน์เตอร์
คำสั่งอินเทอร์รัปต์อินพุตสามารถรับสัญญาณพัลส์ที่สั้นเพียง 25µs ได้ ไม่ว่ารอบการทำงานของโปรแกรมจะเป็นเท่าใดก็ตาม ทำให้สามารถประมวลผลแบบเรียลไทม์ได้
นอกจากนี้ KV ซีรี่ส์ยังมีเคาน์เตอร์ที่มีความถี่ 10 kHz อีก 2 เครื่อง จึงเหมาะสำหรับการนับพัลส์ที่มีความถี่สูง
http://www.keyence.co.th/img/spacer.gif

KV ซีรี่ส์มีฟังก์ชันที่มีประสิทธิภาพสูงจำนวนมาก
มีประโยชน์มากในช่วงเริ่มต้นการทำงาน เนื่องจากทริมเมอร์ปรับค่าไทม์เมอร์แบบอะนาล็อกจะช่วยให้ปรับค่าของไทม์เมอร์และเคาน์เตอร์ได้แบบเรียลไทม์ตามสภาพการใช้งานจริง โดยสามารถปรับค่าได้ตั้งแต่ 0 ถึง 249 โดยในรุ่น KV-80, KV-40 และ KV-24 จะมีไทม์เมอร์แบบอะนาล็อกอยู่ 2 ตัว ส่วนในรุ่น KV-16 และ KV-10 จะมี 1 ตัว
http://www.keyence.co.th/img/spacer.gif

เอาต์พุตของ Clock Pulse ความถี่ 20 kHz (KV-80)
เอาต์พุตของ Clock Pulse มีความถี่ 20 kHz จึงช่วยให้กำหนดตำแหน่งที่ความเร็วต่างๆ กันได้ KV ซีรี่ส์จึงสามารถใช้เป็นเครื่องสร้างพัลส์ (Pulse Generator) ในสเต็ปปิ้งมอเตอร์ (Stepping Motor) (รุ่น KV-10/16/24/40 มีความถี่นาฬิกาสูงสุด 2 kHz)
http://www.keyence.co.th/img/spacer.gif

ยูนิต I/O แบบอะนาล็อกที่มีความละเอียด 12 บิต
ยูนิตขยาย KV-DA4 (D/A คอนเวอร์เตอร์) และ KV-AD4 (A/D คอนเวอร์เตอร์) พร้อมด้วย I/O 4 ช่องให้เลือกใช้ตามความต้องการ
http://www.keyence.co.th/img/spacer.gif

คุณลักษณะอื่นๆ
• มีไทม์เมอร์ 1 ms ภายในตัว
• หน่วยความจำจุได้ถึง 3,000 ขั้นตอน (500 ขั้นตอน: KV-10/16)
• ฟังก์ชันการติดต่อแบบอนุกรม
• เปลี่ยนรีเลย์ได้ (KV-80R, KV-16EYR)
• จัดเก็บโปรแกรมใน EEPROM จึงไม่ต้องใช้แบตเตอรี่สำรอง




 ข้อมูลจำเพาะของ Programmable Logic Controller ขนาดเล็กมากรุ่น KV ซีรี่ส์




Subscribe to RSS Feed Follow me on Twitter!